ทุนวัฒนธรรม ลำดับที่ 21: กลุ่มจักสานปลาตะเพียนใบลาน
ปลาตะเพียนใบลาน เป็นสัญลักษณ์ของภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นิยมนำไปแขวนไว้เหนือเปลเด็ก เพื่อให้เด็กน้อยได้จ้องมองปลาตะเพียน ที่โบกไหวด้วยความเพลิดเพลิน แฝงไปด้วยคติความเชื่อว่า จะทำให้เด็กร่าเริงแจ่มใส เลี้ยงง่าย และเติบโตเป็นเยาวชน ที่มีความพากเพียร สมดั่งชื่อปลาตะเพียน ซึ่งเป็นปลาท้องถิ่นประจำลุ่มน้ำเจ้าพระยา และสะท้อนถึงความเป็นครอบครัว ที่ประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูก ดั่งปลาตะเพียนใบลานที่มีลูกน้อยๆ ร้อยเรียงกันมาเป็นสาย บางคนนำปลาตะเพียนไปประดับตกแต่งบ้าน หรือร้านค้า โดยเชื่อกันว่า ปลาตะเพียนเป็นสัญลักษณ์ ที่สื่อถึงความเป็นมงคล เช่น เดียวกับปลาหลีฮื้อ หรือปลาไน ในคติความเชื่อแบบจีน ที่จะอำนวยโชคลาภมาสู่บ้าน หรือร้านค้า ให้สามารถค้าขายคล่อง โดยนิยมซื้อปลาตะเพียนเงิน ปลาตะเพียนทอง ไปเป็นคู่ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคล
ปลาตะเพียนใบลานนี้ มีต้นกำเนิดมาจากชุมชนมุสลิมที่เรียกตัวเองว่า “แขกเทศ” ในอดีตมักจะอาศัยอยู่ในบ้านเรือน และแพริมน้ำในย่านหัวแหลม ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับพื้นที่หมู่ 1 ตำบลภูเขาทอง ซึ่งประกอบอาชีพค้าตามลำน้ำ โดยใช้เรือเครื่องเทศนำสินค้าหรูหราต่างๆ รวมไปถึงปลาตะเพียนใบลานที่จักสานกันอยู่ ในชุมชนไปขายด้วย แม้ต่อมาการค้าขายตามลำน้ำจะหมดลงไป แต่การสานปลาตะเพียนใบลาน ยังคงแพร่หลายอยู่ในย่านหัวแหลม และกระจายไปในบางส่วนของเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา
ในปัจจุบัน ชาวตำบลภูเขาทอง โดยเฉพาะหมู่ที่ 1 ยังมีการสานปลาตะเพียนกันอยู่หลายบ้าน บางบ้านจะสานเฉพาะตัวปลา แล้วส่งไปให้อีกบ้านทาสี แล้วส่งให้อีกบ้านหนึ่งนำมาเย็บรวมกัน ตามความถนัดของแต่บ้าน แต่บางบ้านก็สานปลาตะเพียนเองทุกขั้นตอน กลายเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน จนจัดตั้งเป็นกลุ่มอาชีพจักสานปลาตะเพียน
นักท่องเที่ยวสามารถหาซื้อปลาตะเพียนเป็นของฝาก ของที่ระลึกได้ที่ชุมชนวัดช่องลม หมู่ที่ 1 หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (องค์การบริหารส่วนตำบลภูเขาทอง, 2564)
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่บริเวณที่ราบลุ่มภาคกลางของประเทศไทย มีแม่น้ำสำคัญหลายสายไหลผ่านเกือบทั่วทั้งพื้นที่ และมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ นับแต่อดีตชาวพระนครศรีอยุธยาเรียนรู้ การใช้ประโยชน์จากแม่น้ำหลายรูปแบบ ทั้งใช้อุปโภค บริโภคเป็นแหล่งอาหาร ใช้ในการเพาะปลูก ใช้เป็นเส้นทางคมนาคมสัญจรไปมาหากัน หรือติดต่อค้าขาย หรือเป็นเส้นทางเดินทัพทำศึกสงคราม รวมถึงเป็นต้นธารการสร้างสรรค์งานศิลปกรรม วัฒนธรรม ขนบประเพณีต่าง ๆ ทั้งนี้ เรื่องราวความผูกพัน กับสายน้ำอย่างแนบแน่น ของชาวพระนครศรีอยุธยาบางส่วนนั้น สามารถสะท้อนให้เห็นผ่านงานหัตถกรรมท้องถิ่น ซึ่งเป็นงานฝีมือที่มนุษย์เรียนรู้ ที่จะตัดแปลงวัสดุธรรมชาติรอบตัว ให้เป็นประโยชน์ในการดำรงชีพ หรือเพื่อเป็นเครื่องแสดงอัตลักษณ์ ของกลุ่มคนที่สอดคล้องกับบริบท ทางวัฒนธรรมในพื้นที่นั้นๆ อย่างงานหัตถกรรมจักสาน “ปลาตะเพียนใบลาน” ที่นิยมใช้ประดับตกแต่งบ้านเรือนคงมี ต้นเค้าจากแนวทางดังกล่าว ผสานกับความเชื่อท้องถิ่นที่ว่า ปลาตะเพียนเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน


ปลาตะเพียนในบริบททางประวัติศาสตร์
ผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนประเทศไทยในปัจจุบัน คงจะรู้จักปลาตะเพียนมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย หรือเก่ากว่านั้น เนื่องจากเป็นปลาที่แพร่พันธุ์ และเจริญเติบโตง่าย ทำให้พบปลาตะเพียนได้ตามแหล่งน้ำจืด ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เฉกเช่นพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำหลายสายมาบรรจบกัน เป็นเหตุให้ทรัพยากรสัตว์น้ำ มีความสมบูรณ์มาก ดังที่ เจ้าพาธรรมธิเบศไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ (เจ้าฟ้ากุ้ง) ได้ทรงพรรณนาถึงสัตว์นานาชนิด ที่พบระหว่างการเดินทางไปตามลำน้ำ จากกรุงศรีอยุธยา ถึงเมืองสระบุรี ในพระนิพนธ์กาพย์ห่อโคลงประทาสธารทองแดง ความว่า
“ เทโพแลเทพา ตะเพียนกาพาพวกจร
ไอ้บ้าปลาสลุมพอน ผักพร้าเพรี้ยแลหนวดพรามฯ ”
“ เทโพพาพวกพ้อง เทพา
ลาตะเพียนปลากาพา คู่เคี้ย
สลุมพอนไอ้บ้าปลา หลายหมู่
ปลาผักพร้าม้าเพรี้ย ว่ายไหล้หนวดพรามฯ ”
(เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร์, ม.ป.ป. )
ปลาตะเพียน มีความสำคัญเป็นพิเศษในสมัยอยุธยาตอนปลาย ดังปรากฎหลักฐานใน พระราชพงศาวดารกรุงสยามจากต้นฉบับของบริติชมิวเซียม กรุงลอนดอน ความว่า
“…ครั้นนั้นสมเด็จพระเจ้าแผ่นดินทรงพระประพฤติเหตุใน
อโนดัปธรรม แล้วเสด็จเที่ยวประพาสทรงเบ็ดเหมือนสมเด็จพระราชบิดา
แล้วพระองค์พอพระทัยเสวยปลาตะเพียน ครั้งนั้นตั้งพระราชกำหนดห้าม
มีให้คนทั้งปวงรับประทานปลาตะเพียนเป็นอันขาด ถ้าผู้ใดเอาปลาตะเพียน
มาบริโภค ก็ให้มีสินไหมแก่ผู้นั้นเป็นเงินตรา ๕ ตำลึง… “
จากข้อความข้างต้น แสดงถึงความสำคัญของปลาตะเพียน ซึ่งเป็นพระกระยาหารโปรดในพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ถึงกับต้องสงวนไว้สำหรับถวายแต่เพียงพระองค์เท่านั้น โดยให้มีระราชกำหนดห้ามคนทั่วไปจับปลาตะเพียนมาประกอบอาหาร ถ้าผู้ใดฝ่าฝืนโทษปรับเป็นเงินสูงถึงห้าตำลึง
ความเป็นมาของการจักสานปลาตะเพียนใบลาน
ในสมัยอยุธยา กลุ่มชาวมุสลิมที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่ตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา นิยมประกอบอาชีพล่องเรือค้าขาย ไปตามลำน้ำสาขาต่าง ๆ ในเขตที่ราบลุ่มภาคกลาง พวกเขารับซื้อสินค้านานาชนิดมาจากชาวบ้านในชุมชนโดยรอบพื้นที่ เพื่อนำไปขายต่อส่วนใหญ่ เป็นสินค้าจำพวกอุปกรณ์จับสัตว์น้ำและเครื่องมือเครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เช่น เครื่องถ้วย และเครื่องเรือนต่าง ๆ ผู้คนสมัยก่อนมักเรียกเรือขายสินค้าเหล่านี้ว่า “เรือแขกเทศ” ดังปรากฎข้อความในพงศาวดาร คำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม ว่าด้วยเรื่องสถานที่ค้าขายรอบเกาะ
“แลแถวนั้นมีแพลอยพวกลูกค้าไทยจีนแขกเทศแขกจาม นั่งร้านแพขายสรรพสิ่งต่าง 1 กันทั้งสองฟากฝั่งแม่น้ำ ตั้งแต่ท้ายปากคลองวัดสุวรรณดาราราม ตลอดลงมาจนน่าพระราชวังหลัง แถวนี้เป็นฝั่งพระนคร แต่ฝั่งตรงพระนครนั้น แพจอดตั้งแต่ท้ายวัดเจ้าพระนางเชิงตลอดมา จนท้ายวัดพุทไธศวรรค์แลเลยไปจอดเป็นระยะจนน่าวัดไชยวัฒนาราม”
การล่องเรือขายสินค้าไปตามแม่น้ำลำคลอง ก่อให้เกิดความผูกพันระหว่างคนกับสายน้ำ ภายหลังจึงมีผู้คิดริเริ่มจักสานปลาด้วยใบลาน โดยลอกเลียนรูปแบบจากปลาตามธรรมชาติ ที่พบเห็นระหว่างการลองเรือ แล้วนำไปห้อยเป็นของเล่นสำหรับเด็ก ต่อมาปลาใบลานนี้ได้รับนิยมอย่างมาก จึงมีการผลิตเป็นสินค้า ออกจำหน่ายอย่างจริงจัง แม้ปัจจุบันอาชีพล่องเรือ
ค้าขายเลือนหายไปจากชุมชนแถบนี้กว่าสามสิบปีแล้ว เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ อันส่งผลต่อวิถีชีวิต ทำให้ผู้คนที่เคยอาศัยทำมาหากินตามลำน้ำ ต่างพากันอพยพย้ายมาตั้งบ้านเรือน และประกอบอาชีพอยู่บนบกทั้งสิ้น ทว่าความนิยมในการจักสานปลาใบลาน ยังคงไม่เลือนหายไป อีกทั้งมีการพัฒนาจนเกิดเป็นสินค้าใหม่ ๆ อีกหลากหลายชนิด
อย่างไรก็ตาม สันนิษฐานว่าเดิมที ชาวบ้านคงไม่ได้เรียกเครื่องแขวนรูปปลา ที่ทำจากใบลานว่า “ปลาตะเพียนใบลาน” เหมือนเช่นปัจจุบัน แต่คงเรียกกันแค่ว่า “ปลาใบลาน” หรือ “ปลาโบราณ” นานวันเข้าทั้งสองคำได้ถูกนำมารวมกันกลายเป็น “ปลาตะเพียนใบลาน” สอดรับกับลักษณะรูปร่างที่ดูคล้ายปลาตะเพียนและชื่อวัตถุดิบที่นำมาประดิษฐ์อย่างใบลาน และชื่อเรียกนี้คงจะใช้กันแพร่หลายตั้งแต่สมัยอยุธยา ดังปรากฏการระบุถึงรายการสินค้าที่มีขายในย่านการค้าถนนป่าโทน ในเอกสารพงศาวดาร คำให้การขุนหลวง วัดประดู่ทรงธรรม ความว่า “ถนนย่านป่าโทน มีร้านขายทับโทน เรไร ปี่แก้ว จังหน่อง เพลี้ยขลุ่ย และหีบไม้อุโลกไม้ตะแบก ไม้ขนุนใส่ผ้า แลช้างม้า กระดาษอู่เปลศาลพระภูมิจะเว็จเขียนเทวรูปเสื่อลำแพน ปลาตะเพียนใบลานจิงโจ้ ชื่อตลาดป่าโทน 1”




คติความเชื่อเกี่ยวกับใบลาน
รูปแบบการใช้งานปลาตะเพียนใบลาน ที่คนไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกันมากที่สุด คือ การเป็นเครื่องแขวนผูกไว้เหนือเปลนอนของเด็ก ด้วยความที่มีน้ำหนักเบา เมื่อลมพัดผ่านก็พลิ้วไหว ก่อให้เกิดความเพลิดเพลิน
ทางสายตา ปลาตะเพียนใบลานยังมีคติความเชื่อ ที่สัมพันธ์กับการเลี้ยงเด็ก และความเชื่อเรื่อง แม่ซื้อ ของคนไทย ดังปรากฏในงานเขียนของพระยาอนุมานราชธน (ยง เสฐียรโกเศศ) ความว่า “เมื่อเด็กนอนเปล นอกจากกล่องไกวให้เด็กนอน ยังมีปลาตะเพียน หรือจิงโจ้ให้เด็กดูเล่น ผูกไว้เหนือเปลตอนที่ค่อนไปทางหัวนอน แต่อย่าผูกให้เกินไปนัก เพราะเด็กจะเหลือบตาช้อนไปดู เด็กมีอาการช้อนตาขึ้นอย่างนี้ ถือว่าเป็นเวลาแม่ซื้อมากวน ปลาตะเพียนนี้ผูกสานด้วยใบลาน เป็นรูปปลาขนาดเขื่อง ทาสีเขียวๆ แดงๆ เหลืองๆ แล้วมีลูกปลาตัวเล็กๆ เป็นลูกห้อยเป็นระย้าอยู่มากตัว เดี๋ยวนี้ก็ยังพบมีขายอยู่ ”
ปลาตะเพียนใบลาน ยังถือเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูณณ์ ตามคติความเชื่อท้องถิ่น ของชาวไทยภาคกลาง ยกตัวอย่างเช่น การแขวนปลาตะเพียนใบลานไว้ในอาคารบ้านเรือน จะช่วยดลบันดาลให้เกิดโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทองไหลมาเทมา ในขณะเดียวกัน ความเชื่อส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวเลข และสีสัน ยังส่งผลต่อความนิยมของผู้บริโภค ในการตัดสินใจเลือกซื้อปลาตะเพียนใบลาน คนส่วนใหญ่จะถือเอาจำนวนลูกปลาตะเพียนในพวงเครื่องแขวน ที่เป็นเลขมงคลอย่างจำนวน 9 ตัวและ 12 ตัว หรือนิยมเลือกปลาสีมงคลต่างๆ กันไป อาทิ สีเขียว แสดงถึงความมั่งคั่ง และเงินทอง สีน้ำเงิน แสดงถึงความโชคดีเสริมความอบอุ่น และบำบัดความทุกข์ สีแดง เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสิริมงคล และช่วยเสริมดวงด้านการเงิน สีเหลืองช่วยให้มีความก้าวหน้าในการงาน เสริมอำนาจบารมี และโชคลาภ ส่วนสีส้มช่วยส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ และความรุ่งโรจน์
กลุ่มจักสานปลาตะเพียนใบลานตำบลภูเขาทอง เป็นหนึ่งในกลุ่มหัตถกรรมท้องถิ่น ที่เน้นผลิต ปลาตะเพียนใบลานเพียงอย่างเดียว ที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นางพีรยา เรืองกิจ ประธานกลุ่มซึ่งเป็นคนในตำบลภูเขาทองแต่กำเนิด เล่าว่าเธอได้เรียนรู้การสานปลาตะเพียนใบลานมาตั้งแต่เด็ก โดยได้รับถ่ายทอดทักษะจากมารดาจากรุ่นสู่รุ่น สันนิษฐานว่าผู้คนในชุมชนย่านนี้ น่าจะประกอบอาชีพนี้ มาเป็นระยะเวลานานมากกว่า 100 ปีมาแล้ว ทุกวันนี้เราสามารถพบเห็น ช่างสานปลาตะเพียนใบลาน ได้ทั่วไปในละแวกตำบลภูเขาทอง และตำบลท่าวาสุกรีซึ่งเป็นเขตติดต่อใกล้เคียงกัน
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มจักสานปลาตะเพียนใบลานตำบลภูเขาทอง ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ 2534 จากการสนับสนุนของ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่ออนุรักษ์งานหัตถกรรมพื้นบ้านดังกล่าวให้สืบต่อถึงลูกหลานภายในครอบครัว แม้ว่าอาชีพนี้จะไม่ได้สร้างรายได้มากนัก ปัจจุบันกลุ่มจักสารปลาตะเพียนใบลาน ตำบลภูเขาทอง มีสมาชิกประมาณ 13 คนสมาชิกภายในกลุ่มที่มีอาชีพหลัก เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว และบางส่วนที่ทำเป็นอาชีพเสริม ในเวลาว่างจากการทำงานประจำ เพราะไม่ว่าใครก็ตาม ที่พอมีทักษะ และความตั้งใจก็สามารถเรียนรู้วิธีการสานได้ไม่ยาก


วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือที่ใช้ในการสานปลาตะเพียน
การสานปลาตะเพียน ต้องใช้วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหลายชนิดประกอบกัน ดังนี้
ใบลาน ที่นำมาใช้สานปลาตะเพียน เป็นใบลานพื้นเมืองที่ขึ้นอยู่ทั่วไป ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ระยะหลังปริมาณต้นลานที่มีอยู่เริ่มลดจำนวนลง ใบลานเริ่มหายาก ปัจจุบันจึงได้ซื้อใบลานสำเร็จรูป มาจากทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี ใบลานมีคุณสมบัติที่ดี ใบลานอ่อนตัวบิดตัวง่าย มีความคงทน มีความเหนียว ใบลานที่ซื้อมาจะเป็นใบลานสดสีเขียว นำมาผึ่งแดดให้แห้ง เมื่อแห้งแล้วจะมีสีเหลืองนวลสวยงาม
เรียด เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเจียนใบลาน ให้มีขนาดความกว้างเท่ากัน และมีรูปร่างตามที่ต้องการ ทำขึ้นใช้งานเฉพาะงานสานใบลาน มีลักษณะเป็นแผ่นไม้นำมาวางประกบกัน แผ่นล่างกับแผ่นบนจะยึดใบมีดติดไว้ แผ่นกลางเลื่อนเข้าออกมีสกรูปรับเลื่อนเข้าออกได้ และขันยึดให้แผ่นไม้แน่น
กรรไกรหรือมีด ใช้สำหรับตัดแต่งสวนต่างๆ ของปลาตะเพียน ตัดแต่งครีบ ตัดแต่งส่วนหาง ให้ได้รูปทรงสวยงามตามต้องการ
พู่กัน ใช้สำหรับระบายสีน้ำมันลงบนตัวปลา และตกแต่งลวดลายส่วนของเกล็ดปลา ครีบและหางปลา มีหลายขนาด เช่น พู่กันแบนปากตัดกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร สำหรับระบายสีพื้นให้ทั่วตัวปลา พู่กันจีนปลายมน ใช้สำหรับเขียนลาย ถ้าเป็นลายเขียนเส้นเล็กๆ จะใช้พู่กันปลายแหลมขนาดเล็ก เขียนแทน พู่กันจีนมีคุณสมบัติที่ดีอุ้มสีได้มาก และเขียนลายได้อ่อนช้อยสวยงาม
สี ใช้สีน้ำมัน เนื่องจากสีน้ำมันมีความสดใสสวยงาม ติดแน่นคงทนถาวร สีที่ใช้เช่น สีแดง สีเหลือง สีม่วง สีชมพู สีเขียว สีน้ำเงิน สีทอง สีเงิน เป็นต้น
น้ำมันสน ใช้ผสมสีเพื่อเป็นตัวทำละลายเนื้อสีให้มีความข้นพอดี สำหรับการเขียนลวดลาย บนตัวปลาตะเพียน และใช้ล้างพู่กัน
เข็มและด้าย ใช้สำหรับเย็บหรือร้อยส่วนประกอบต่างๆ ของพวงปลาตะเพียน ให้เข้ากันเป็นพวงระย้า
การสานปลาตะเพียนและส่วนประกอบต่างๆ
ปลาตะเพียนใบลานที่จำหน่ายตามร้านปลาตะเพียนทั่วๆ ไป ส่วนมากสานเป็นปลาชุดพวงห้อยระย้าสีสันสะดุดตา สดใสสวยงาม
ประกอบด้วยส่วนประกอบที่สำคัญ ดังนี้
กระโจมปลาหรือกระจังบน อยู่ตอนบนสุดของตัวปลาตะเพียน รูปร่างคล้ายดาว 8 แฉก วิธีการทำ เริ่มที่เรียดใบลานให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ ที่นิยมกว้างประมาณ 1 นิ้ว กระโจมปลาแต่ละชิ้นใช้ใบลาน ทั้งหมด 4 เส้น นำใบลานทั้ง 4 เส้นมาพับครึ่ง สอดขัดกันแล้วดึงให้ตึง แล้วพับซ้อนขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง แล้วสานส่วนที่เหลือให้เป็นแฉกลักษณะคล้ายดาว ใช้กรรไกรตัดแต่งให้ได้รูปทรงที่สวยงาม
ตัวปลา ปลาตะเพียนสาน 1 พวง มีแม่ปลาตัวใหญ่ 1 ตัว ที่เป็นจุดเด่นสำคัญ มีลวดลายสีสันสวยงามที่สุด นอกจากนั้นจะเป็นลูกปลาขนาดเล็กลงมา ลูกปลานิยมทำกัน 3 ขนาด เช่น ขนาดลูกปลา 6 ตัว 9 ตัว และ 12 ตัว โดยลูกปลาจะห้อยอยู่ใต้แม่ปลา วิธีการทำนำใบลานมาเรียดให้ตรง และได้ขนาดตามที่ต้องการ ถ้าต้องการสานแม่ปลาตัวใหญ่ก็ใช้ใบลาน ที่มีขนาดความกว้างมากๆ และถ้าสานลูกปลาขนาดเล็ก ก็ใช้ใบลานขนาดเล็กลงมา การสานปลาตะเพียนจะใช้ใบลานครั้งละ 2 เส้น โดยเริ่มสานลำตัวส่วนหางก่อน แล้วจึงย้อนกลับมาสานส่วนหัว โดยใช้ใบลานเส้นเดียวกัน เมื่อสานเสร็จแล้วส่วนปลายของใบลาน 9 ปลาย จะเป็นครีบของปลาตะเพียน ตัดแต่งครีบด้วยกรรไกร หรือมีด เพื่อให้ได้ครีบปลาที่สวยงาม หลังจากนั้นใช้ใบลานอีกใบหนึ่ง มาพับเฉียง ให้ต้านปลายแยกออกจากกันเป็นรูปสามเหลี่ยม ตัดแต่งส่วนปลายให้สวยงาม เป็นหางปลาตะเพียน ใช้มีดผ่าส่วนท้ายของปลาตะเพียนลึกประมาณ 1-2 เซนติเมตร นำหางปลาเข้าไป ใช้เข็มกับด้ายเย็บติดกัน ให้เรียบร้อย ก็จะได้ปลาตะเพียนที่เสร็จสมบูรณ์
กระทงเกลือ หรือดาว เป็นส่วนที่ทำขึ้นสำหรับตกแต่งพวงปลา ให้เกิดความสวยงามยิ่งขึ้น ใช้ครอบอยู่ส่วนบนของลูกปลา จะใช้เฉพาะพวงปลาที่มีลูก 9 ตัวขึ้นไป ทำเป็นรูปดาว 5 แฉก วิธีการทำ ใช้ใบลานจำนวน 2 ใบเรียดให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ แล้วทับซ้อนกันให้ปลายด้านใดด้านหนึ่งทับซ้อนกัน ทำมุม 45 องศา จากนั้นพับใบลานทั้ง 2 เส้น ให้ทับซ้อนกันไปมา 6 ครั้ง ใช้นิ้วหัวแม่มือกดกึ่งกลาง จับให้เป็นรูปกรวย แล้วใช้ใบลานส่วนที่เหลือ พับเป็นรูปสามเหลี่ยม ให้ครบ 5 เหลี่ยม จะได้เป็นรูปดาว 5 แฉก
ปักเป้าหรือเม็ด ใช้สำหรับร้อยเป็นสายระหว่างกระโจมปลากับแม่ปลา และระหว่างแม่ปลากับลูกปลา แต่เดิมนั้นการเชื่อมพวงปลาจะใช้ด้ายอย่างเดียว ซึ่งไม่สวยงาม ต่อมาได้คิดประดิษฐ์ปักเป้าร้อยเป็นสายเชื่อมเพื่อให้เกิดความสวยงามขึ้น วิธีการทำ ใช้ใบลานเรียดขนาดความกว้างเพียงเล็กน้อยเส้นเดียว พับงอระหว่างกลางให้เส้นขวาทับเส้นซ้าย จากนั้นนำเส้นร้ายสอดลงมาแล้วบิด จัดเป็นรูปสามเหลี่ยมแล้วดึงให้ตึง เสร็จแล้วพับใบลาน ในลักษณะเดิมอีกครั้งหนึ่งก็จะได้ปักเป้าหรือเม็ดที่เสร็จสมบูรณ์
ใบโพธิ์ ใช้ต่อปลายตกแต่งรอบกระโจมปลา กระทงเกลือ ใช้เป็นระบายที่ด้านปลายสุด ต่อจากลูกปลาทั้งหมด ทำจากเศษใบลานตัดเป็นรูปคล้ายใบโพธิ์ มีน้ำหนักเบา และพลิ้วลมได้ดี การตกแต่งลวดลาย การลงสี และเขียนลวดลาย ตกแต่งปลาตะเพียนใบลาน ให้มีสีสันสะดุดตา และสดใสงดงาม การลงสีให้ลงสีพื้นด้วยสีน้ำมันก่อน สีพื้นจะเป็นสีแดง สีเหลือง สีฟ้า สีน้ำเงิน และมีสีเงิน สีทอง เขียนลายส่วนที่เป็นเกล็ด เพื่อเพิ่มความมันแวววาว และสดใส จากนั้นก็เขียนลายตามจินตนาการ สมัยก่อนเขียนเป็นลายกนกลายไทย ต่อมาประยุกต์เขียนเป็นลายดอกไม้ ลายต้นสน และลายอื่นๆ ตามความคิดสร้างสรรค์ของช่างสานปลาตะเพียน
การร้อยพวงปลาตะเพียน
แม่ปลาตะเพียนที่ระบายสีสวยงาม และส่วนประกอบพวงปลา จะนำมาร้อยเยงเป็นพวงปลาที่มีความสวยงามดังนี้
การร้อยจะร้อยปักเป้าลงไปก่อน ให้ได้ความยาวพอประมาณ แล้วร้อยเข้ากระโจมปลา แล้วร้อยปักเป้าอีก 2 เม็ด เข้ากับส่วนปลายของกระโจมปลา ที่แยกออกเป็น 5 แฉก แต่ละแฉกจะมีใบโพธิ์ อยู่ด้านปลาย จากนั้นร้อยลูกปลาโดยมีใบโพธิ์ห้อยระบาย ระยะห่างของลูกปลาแต่ละตัว จะมีปักเป้า เป็นตัวเชื่อม ลูกปลาที่ร้อยมีเส้นละ 2 ตัว 3 ตัว และ 4 ตัว แล้วร้อยเข้ากระทงเกลือ รวมทั้งหมด 3 เส้นเมื่อร้อยแต่ละเส้นเสร็จแล้ว นำมาเย็บติดตรงส่วนหางของแม่ปลา 1 เส้น ส่วนท้องแม่ปลา 1 เส้น และส่วนปากแม่ปลา 1 เส้น แล้วเย็บส่วนปลายกระโจมปลาให้ติดกับสันหลังแม่ปลา เมื่อเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนก็จะได้ปลาตะเพียน ใบลานเป็นพวงปลาที่มีความสวยงาม
ประโยชน์การใช้สอย
ปลาตะเพียนใบลานหัตถกรรมพื้นบ้านภูมิปัญญาอาชีพ ได้รับความนิยมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เมื่อนำมาแขวนเหนือเปลเด็กน้อย ย่อมทำให้เกิดความเพลิดเพลินตา ทำให้เด็กมีความสุข ยิ้มเริงร่าอารมณ์ดี ปลาตะเพียนจึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความสุข และยังใช้ปลาตะเพียนใบลานแขวนประดับตกแต่งบ้าน อาคารสถานที่ให้มีความสวยงาม ร่มเย็นสงบสุข คู่กับวิถีการดำรงชีวิตของคนไทยมาโดยตลอด
การอนุรักษ์สืบทอดปลาตะเพียนใบลาน
งานสานปลาตะเพียนใบลานชุมชนทำวาสุกรี ยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ชาวบ้านชุมชนท่าวาสุกรี มีความภาคภูมิใจที่มีส่วนร่วมในการส่งเสริมเผยแพร่ภูมิปัญญา อาชีพให้เป็นที่แพร่หลาย เสริมสร้างความสนใจให้เยาวชนรุ่นหลัง เกิดความสนใจในการสานปลาตะเพียน
ปัจจุบันนี้มีผู้มาศึกษาเรียนรู้การสานปลาตะเพียน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามาสืบค้นเพื่อการศึกษาผู้ที่ศึกษาเพื่อประกอบเป็นอาชีพมีค่อนข้างน้อย ชาวชุมชนสานปลาตะเพียนท่าวาสุกรี ยินดีสนับสนุน ให้ลูกหลาน และเยาวชนได้ศึกษาสืบทอดการสานปลาตะเพียนต่อไป
ปลาตะเพียนใบลานได้รับการคัดเลือกให้เป็น ผลิตภัณฑ์ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นภูมิปัญญาอาชีพที่สมควรได้รับการส่งเสริมและอนุรักษ์ให้สืบทอดดำรงสืบต่อไป (วนิดา หลาวเพชร, ม.ป.ป.)