ทุนวัฒนธรรม ลำดับที่ 47: มัสยิดดารุซซุนนะห์

มัสยิดดารุซซุนนะห์แห่งนี้ เดิมมีชื่อเรียกว่า “ศาลา” เป็นเรือนไม้ สร้างขึ้นเมือใด และในสมัยใดนั้นไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจน แต่จากคำบอกเล่าของบรรพบุรุษว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ.2430 ศาลาแห่งนี้ได้ใช้เป็นสถานที่ละหมาดญะมาอะต์ และสอน อัล-กุรอาน ในปี พ.ศ.2450 ศาลาแห่งนี้ได้ถูกย้ายจากที่เดิมซึ่งไกลจากน้ำ ไปยังบริเวณริมแม่น้ำ เพื่อความสะดวกในหลายๆประการ และศาลาแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ เป็นอาคารไม้

ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2490 ศาลาแห่งนี้ได้ทำการจดทะเบียนเป็นมัสยิดพร้อมกับได้จัดตั้งคณะกรรมการบริหารมัสยิดขึ้น ตามระเบียบของทางราชการ โดยได้ทะเบียนเลขที่ 4 และมีชื่อในขณะนั้นว่า มัสยิด ชาฟิอี (หัวแหลม) ต่อมาคณะกรรมการมัสยิด ได้จัดส่งเยาวชนชุดหนึ่ง ไปศึกษาเล่าเรียนภาควิชาศาสนา จากสถาบัน อัล-อิศลาห สมาคมบางกอกน้อย ธนบุรี หลังจากปี พ.ศ.2497 เป็นต้นมา มัสยิดแห่งนี้ก็ได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ ในการเผยแพร่ความรู้สู่ชุมชน ตามแนวทางของอิสลามอย่างถูกต้อง โดยมี อิหม่าม-คอเต็ป-บิหลั่น ที่มีความรู้ด้านศาสนามาบริหารมัสยิด

ในปี พ.ศ.2517 อาคารมัสยิดเริ่มมีสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ประกอบกับริมตลิ่งนั้นถูกน้ำกัดเซาะไปเรื่อยๆ จนเกือบจะถึงบริเวณอาคารมัสยิด ทางคณะกรรมการมัสยิด จึงได้มีมติให้ทำการรื้อถอน และก่อสร้างอาคารมัสยิดหลังใหม่ขึ้น เป็นคอนกรีตสองชั้น โดยย้ายจากบริเวณริมแม่น้ำเข้ามาอยู้ด้านใน ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 10 ปี (2518-2528) จึงแล้วเสร็จ และได้เปลี่ยนชื่อจากมัสยิด ชาฟิอี มาเป็น มัสยิด ดารุซซุนนะห์ ซึ่งได้ทำการเปิดอาคารมัสยิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อ วันเสาร์ ที่ 6 เมษายน พ.ศ.2528 โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ดังต่อไปนี้
                  กรมศาสนา                                             114,000 บาท
                  ประเทศซาอุดิอาระเบีย                                 100,000 บาท
                  บุคคลทั่วไป                                             108,730 บาท
                  สัปปุรุษ                                                 2,649,370 บาท
                  รวมงบประมาณการก่อสร้าง 2,972,100 บาท (สองล้านเก้าแสนเจ็ดหมื่นสองพันหนึ่งร้อยบาท)
                                                                                                                                                 (พิทักษ์ เนตรทิพย์)

Scroll to Top